"พ่อครับ ผมอยากขึ้นไปบนโลกมนุษย์ครับ" ชิม่อนพูดกับพ่อด้วยสีหน้าและนัยน์ตาที่ดูมีความหวังแต่เมื่อได้ยินคำตอบแล้วนั้นจะต้องเปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นสีหน้าสิ้นหวังเลยทีเดียว
"ไม่ได้หรอก บนโลกมนุษย์มันมีหลายอย่างที่ลูกไม่รู้จักแล้วมันก็น่ากลัวมาก" คำตอบของพ่อที่กลับมาหาชิม่อนนั้นทำให้ความหวัง ความตื่่นเต้นทุกอย่่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
"งั้นก็ไม่เป็นไรครับ" ชิม่อนพูดด้วยนำ้เสียงสิ้นหวังอย่างรุนแรง ใครจะไม่สิ้นหวังหล่ะกับความหวังที่มีมาทั้งหมด 18 ปีมาตั้งแต่เกิดที่จะได้ขึ้นไปบนโลกมนุษย์ดูบ้าง ชิม่อนเมื่อพูดจบก็เดินกลับไปในปราสาท
"เดี๋ยวผมไปดูพ่อเองครับ" โยม่อน พี่ชายสุดที่รักของชิม่อนอาสาเดินไปปลอบชิม่อนด้วยตัวเอง ในปราสาทมีบันไดที่แยกเป็น 2 ชั้นแต่ก็ไปรวมกันอยู่ที่จัดเดียว ชั้น 2 มีห้องนอนของชิม่อน ห้องนอนของโยม่อน ห้องนอนของพ่อ และ ห้องนอนของแม่ โยม่อนเดินไปเคาะประตูห้องของชิม่อนอย่างรวดเร็วเพื่อมีความหวังในการจะไปปลอบน้องชายของตนเองแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอันใดกลับคืนมาเลยทำให้โยม่อนเปิดประตูพรวดเข้าไปก็ไม่เห็นมีผู้ใดอยู่ในห้องเลย
"ชิม่อน! ชิม่อน!" โยม่อนตะโกนอยู่ในห้องนอนของน้องชายของตนเองแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับคืนมาทำให้โยม่อนรู้ว่าชิม่อนไม่ได้อยู่ในห้องนี้ โยม่อนเห็นอย่างนี้แล้วจึงรีบเดินไปที่สวนสาธารณะเห็นชิม่อนกำลังเดินหงอยอยู่คล้ายๆ อาการของคนอกหัก
"ไม่เป็นไรหน่า เดี๋ยวพ่อเขาก็ให้ไปแหละ" โยม่อนพูดปลอบชิม่อนพร้อมกับเอามือไปตบที่แผ่นหลังของชิม่อนด้วยแรงที่เบา ชิม่อนเงยหน้าขึ้นทำให้โยม่อนเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของชิม่อนที่แทบจะไม่เคยเห็นเลย
"พ่อเขาไม่ให้ไปหรอก พี่โยไม่ต้องมาปลอบผมก็ได้" ชิม่อนพูดด้วยนำ้เสียง สีหน้า และ แววตาที่ประกอบกันได้ดี คือ ความเศร้า ความเศร้าที่ไม่ได้ขึ้นไปบนโลกมนุษย์ตามที่เคยคิดเคยฝันไว้มาตลอด 18 ปี
"ถ้าน้องมีพรหมลิขิตกับคนบนโลกจริงวันนั้นก็อาจจะมาถึงก็ได้นะ" โยม่อนก็ยังปลอบชิม่อนอยู่อย่างนั้นท่ามกลางสวนสาธารณะที่มีแต่หินอัคนีเต็มเกลื่อนกลาดไปหมด
"ครับ งั้นผมกลับปราสาทก่อนนะครับ" ชิม่อนขอตัวจากชิม่อนเดินกลับไปในปราสาทหินขนาดใหญ่ ชิม่อนเดินกลับห้องไปนั่งตรงปลายเตียงหรูขนาดใหญ่แล้วเผลอหลับไปจนถึงเวลากินข้าวเย็น
"ชิม่อน ลงไปกินข้าว" โยม่อนตะโกนอยู่ข้างนอกห้องของชิม่อนเป็นเหตุทำให้ชิม่อนตื่นขึ้นมา ชิม่อนเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองและเดินลงไปที่ห้องอาหารขนาดใหญ่กับโยม่อน
"สวัสดีครับพ่อ แม่" ชิม่อนทักทายพ่อและแม่ของตัวเองที่นั่งรออยู่แล้วในห้องอาหาร บนโต๊ะอาหารยาวขนาดใหญ่มีอาหารวางรออยู่แล้ว ชิม่อนเดินไปนั่งข้างๆ กับโยม่อน
"ไม่ได้คิดมากแล้วใช่ไหมลูก" แม่ของชิม่อนถามกลับมาจากที่โยม่อนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่ชิม่อนไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวบนโลกมนุษย์ตามที่ต้องการ
"ไม่คิดมากแล้วครับแม่" ชิม่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสมากกว่าที่ตอนโยม่อนเจอที่สวนสาธารณะ ทุกคนต่างอุ่นใจที่ชิม่อนไม่ได้มีอาการเศร้าเหมือนเดิมแล้ว หลังจากนั้นทุกคนก็กินข้าวกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ว่าในคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น...ชิม่อนเดินขึ้นไปที่ห้องนอนและเข้าไปอาบนำ้ร้อนอุณหภูมิ 300 องศาแล้วจึงเข้านอน 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูห้องนอนของชิม่อนดังขึ้นเปิดประตูไปเห็นโยม่อนกำลังยืนรออยู่ เมื่อโยม่อนเข้ามาก็เดินไปนั่งอยู่ตรงเก้าอี้
"มานั่งก่อนสิ" เมื่อได้ยินอย่างนั้นชิม่อนจึงเดินมานั่งที่ปลายเตียงโดยที่มีโยม่อน พี่ชายแท้ๆ ของตนเองนั่งเก้าอี้อยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"นี่...พี่โยมีอะไรหรอครับ" ชิม่อนถามคำถามตามประเด็นคือโยม่อนจะเข้ามาคุยอะไรในห้องของตัวเองตอนนี้แต่สีหน้าที่เคร่งเครียดของโยม่อยก็ยังไม่หายไปเลย
"ชิม่อนเคยได้ยินตำนานเรื่องด้ายสีแดงป่ะ" โยม่อนถามเกี่ยวกับตำนานด้ายสีแดงที่เป็นเรื่องเล่าลือกล่าวขวัญกันมากในนรกภูมิแต่ ชิม่อนก็ยังสงสัยว่าทำไมโยม่อนจะต้องถามเรื่องนี้
"รู้จักครับที่เป็นตำนานว่าถ้ามีด้ายแดงเชื่อมที่ปลายนิ้วก้อยของคน 2 คนแล้ว 2 คนนั้นจะรักกันใช่ป่าวครับ" ชิม่อนตอบกลับไปพร้อมสาธยายเกี่่ยวกับตำนานเส้นด้ายสีแดงที่เคยรู้มา
"งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ" โยม่อนเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง ชิม่อนเกิดความสงสัยในหัวว่าโยม่อนจะมาถามทำไมแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากจึงนอนหลับไปก่อน ในตอนนั้นเกิดแสงประกายสีขาวแวบสีขาวขึ้นมา แสงนี้จะทำให้ชีวิตของชิม่อนและโยม่อนแตกต่างจากที่เคยเป็นไปอย่างสิ้นเชิง...
ความคิดเห็น